หลานคนอาจเคยเห็นภาพเพื่อน ๆ ไปเล่นสกี ขึ้นภูเขา เจอหิมะหนา ๆ ก็ต้องบอกว่ามันหนาวมาก ก่อนหน้านี้ผมเคยอยู่ที่อมเริกา ในเมืองที่มีหิมะตก เช่น วอชิงตันดี.ซี. อาจจะไม่ได้ตกหนักมาก แต่ก็ในระดับที่ถ้าจอดไว้กลางแจ้ง หิมะจะเกาะรถจนต้องเอาไม้มาแซะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องสนุกเลย หิมะเป็นอะไรที่หนาวและเดินยาก
ถ้าเราอยากจะไปเพื่อเที่ยวสกีพาร์กก็เป็นที่ ๆ น่าสนใจ ถ้าอยากไปเจอหิมะ Ryuoo Ski Park ในเมืองยามาโนชิ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเป็นสกีพาร์กที่อยู่ใกล้โตเกียวมากที่สุด ถ้าไม่อยากไปถึงฮอกไกโด โดยจะมีหิมะตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงมีนาคม ตอนผมไป 2 วัน 3 คืน วันแรกที่ไปถึงหิมะไม่ตก ทำให้หิมะที่มีบนพื้นอยู่แล้วเริ่มละลาย เดิมทีเวลามันตกใหม่ ๆ หิมะจะฟูนุ่ม แต่พอเริ่มละลายมันจะเริ่มเกาะตัวเป็นก้อนและกลายเป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ ๆ ทำให้เวลาเล่นสกีมีโอกาสลื่นล้มได้ อุณหภูมิในวันแรกคือ 7 องศาฯ ส่วนวันที่ 2 และ 3 ตกทั้งวันทั้งคืน ข้อดีคือหิมะใหม่จะทำให้พื้นนุ่มขึ้น เวลาเล่นสกีจะสนุกเพราะมันไม่ลื่นมาก และเวลาล้มก็จะไม่กระแทกกับหิมะแข็ง ๆ แต่ข้อเสียคือมันหนาว เพราะวันต่อมันอุณหภูมิลงไปถึง -7 องศาฯ
วิธีแก้หนาวที่ผมใช้ในตอนนั้นคือ ใส่ชุด Extra Warm และ Ultra Warm ของ Uniqulo แต่สุดท้ายลืมเอาตัว Ultra Warm เลยแก้ขัดด้วยการใส่ตัวในสุดด้วย Extra Warm / Sweater Nortface หนา ๆ มีขน แล้วก็ Jacket Columbia หนา ๆ ที่กันลมและฝนได้
ที่ต้องกันลมก็เพราะบางครั้งอากาศไม่หนาวมาก แต่ลมแรง และที่ต้องกันน้ำเพราะเมื่อหิมะละลายก็จะกลายเป็นน้ำที่ทำให้หนาวมาก การใส่ 3 ชั้นอาจจะไม่ได้ทำให้อุ่นมาก เพราะเราใส่ไปเล่นสกี ควรใส่เผื่อเหงื่อออกด้วย ถ้าใส่หนาเกินไป เกิดเหงื่อซึ่งเป็นน้ำเจอกับความเย็นจะทำให้หนาวกว่าเดิม ในส่วนของกางเกงใส่ 2 ชั้น ชั้นในสุดเป็น Extra Warm และข้างนอกเป็นกางเกงกัน น้ำกันลม รองเท้าที่ใส่ไปควรใส่บูท เผื่อลุยหิมะ แต่เวลาไปเล่นสกีต้องเช่าอุปกรณ์เขาอีกที
ผมนอน Holiday Inn ตกคือละ 8,500 บาท ที่แพงเพราะส่วนหนึ่งไปในช่วงคริสต์มาส ผมเคยเล่นสกีมาอยู่แล้ว แต่ลูกชายไม่เคยเล่นเลยต้องเรียนก่อนครึ่งวัน ตกคนละ 1,000 บาท โดยเรียนเป็นภาษาญี่ปุ่น ถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะอยู่ที่ 4,000 บาท ในตอนนั้นเรียนเป็นภาษาญี่ปุ่น สกีไม่ยาก หลัก ๆ อยู่ที่ใจ ตอนผมเล่นสกีแรก ๆ ต้องใช้เวลาเกือบ 1 วันเต็ม ในการเตรียมพร้อม
สกีไม่ได้เป็นการเล่นจากยอดเขามาตีนเขา แต่จะเล่นเป็นช่วง ๆ ตั้งแต่ง่าย ปานกลาง ยาก ส่วนมากผมเล่นแบบง่ายสุด ตอนหัดเล่นผมเล่นเอง โดย 2 รอบแรก ผมใช้เวลาเกือบชั่วโมง หมดเวลาไปกับการล้ม ๆ ลุก ๆ หลังจากที่เป็นแล้วรอบหนึ่งใช้เวลาแค่ 10 นาที เพราะฉะนั้นเราสามารถเรียนเป็นได้ใน 1 วัน ถ้ากล้าที่จะลุย ล้ม แล้วสนุกไปกับมัน มันมีทั้งความเร็ว ความสูง ซึ่งเป็นเรื่องของใจล้วน ๆ ดังนั้นความยากความง่ายขึ้นอยู่ที่ใจ ลูกผมสองคนเล่น Snowboard ได้สบาย ๆ
ค่าเช่าอุปกรณ์วันละ 750 บาท ประกอบด้วย รองเท้าเล่นสกีคู่หนึ่ง ไม้สกีสำหรับเหยียบ และไม้ค้ำ รวมทั้งหมด 6 ชิ้น แต่ Snowboard จะเป็น Snowboard 1 แผ่น และรองเท้า 1 คู่ หลายคนบอกว่าสกีง่ายกว่า แล้วแต่คน แต่ส่วนมากสกีมักจะเล่นโดยคนมีอายุ ส่วน Snowboard จะเป็นที่นิยมในหมู่เด็ก ๆ มากกว่า
เวลาที่มาถึงตีนเขาแล้วอยากขึ้นไปข้างบนอีกรอบจะเดินสวนขึ้นไปไม่ได้ ต้องขึ้นกระเช้า ซึ่งมีค่าขึ้นเหมาทั้งวัน 1,200 บาท รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2,950 บาท
การไปนอนที่โรงแรม Holiday Inn ทำให้ผมได้แอบดูการทำงานของเขา ตอนที่ไปถึงหิมะหนามากทำให้ขึ้นไปโดยตรงไม่ได้ ต้องให้ทางโรงแรมมารับ คนที่มารับคือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นพนักงานขับรถมารับ แต่พอจอดรถส่งที่ล็อบบี้เรียบร้อย เธอก็รีบวิ่งไปที่ Reception ไปเป็นพนักงานต้อนรับ จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาช่วยยกกระเป๋าชื่อเท็ตสึ ซึ่งเขาก็แนะนำห้องพัก ห้องทานข้าวให้ด้วย ปรากฎว่าตื่นเช้ามาจะเช่าอุปกรณ์เล่นสกีที่อยู่ข้างโรงแรมก็เจอเท็ตสึอีกรอบ ในร้านเช่าอุปกรณ์ก็มีพนักงานอีก 2 คน
หลังจากเล่นสกีเสร็จอยากหาอะไรกิน เลยแวะร้านข้างโรงแรมทางขวา เป็นร้านพิซซ่าที่มีขายราเม็ง คนทำพิซซ่าเป็นเท็ตสึอีกครั้ง เหมือนเท็ตสึจะอยู่ทุกที่ รวมถึงพนักงานสองคนที่อยู่เมื่อเช้าก็มาประจำที่ร้านอาหารด้วย ส่วนคนทำรางเม็งเป็นป้าคนนึง
หลังจากนั้นเราก็ไปเล่นสกีกันต่อ และกลับมากินชาบูที่โรงแรม ซึ่งคนที่ทำอาหารโรงแรมก็คือป้าชาบู
ความพีกคือ ตอนกลางคืนที่ไปเข้าห้องน้ำซึ่งเป็นห้องน้ำรวม ก็เจอหนึ่งในสองพนักงานที่เจอตั้งแต่เช้า ผมรู้สึกว่านี่มัน Family Business ชัด ๆ ตอนแรกเดาว่าเท็ตสึเป็นแฟนหรือสามีของผู้หญิงที่เป็น Reception (ชื่อมิโฮ) สรุปแล้วก็จริง เท็ตสึเป็นแฟนมิโฮ เป็นเจ้าของโรงแรม ร้านเช่าสกีและร้านอาหาร ส่วนมิโฮก็มาช่วย ส่วนป้าราเม็งคือแม่ของเท็ตสึ
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือเขาตั้งใจทำงานและอินกับการทำงาน ดูแล้วเหนื่อยมากทำงานทั้งคืนที่โรงแรมคอยเช็กอิน เช็กเอาท์ แถมต้องวิ่งไปให้เช่าอุปกรณ์สกี กลางวันมาทำกับข้าว ดูเหนื่อยมาก แต่ตลอดเวลาที่เขาทำงานดูเต็มที่มาก รวมถึง 2 คนที่มาช่วยด้วย มีชอตที่ผมใส่รองเท้าสกีแล้วลื่นไปถีบที่เข่าเขาเต็ม ๆ แต่เขาก็ยังบอกขอโทษ
คุณเกตุวดี มารุมูระ ชอบเล่าเรื่องการทำงานของคนญี่ปุ่น เรื่องที่ผมชอบมากคือ คนญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ทำร้านซักรีด เขาบอกว่าเขาไม่ได้มีหน้าที่ซักเสื้อผ้าให้กับใคร แต่เป้าหมายในการทำงานของเขาเป็นการ Keep Memory บางคนเอาชุดแต่งงานสมัยสาว ๆ มาให้เขาซัก เขาจึงรู้สึกว่าหน้าที่ของเขาไม่ใช่การทำความสะอาดเสื้อผ้า แต่เป็นการรักษาความทรงจำเหล่านั้นให้ยังคงอยู่ ผมชอบการที่เรานึกถึงเป้าหมายการทำงานที่แท้จริงของเรา มันจะทำให้ความตั้งใจในการทำงานของเรามีความหมายและมีคุณค่ามากขึ้น
ภาพประกอบบทความจาก David Mark, Pixabay
ถอดความจาก: Morning Call Podcast โดยคุณเก่ง สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม
ฟัง EP. นี้แบบเต็ม ๆ ได้ที่: SOUNDCLOUD, Spotify, PodBean
บทความที่อื่นที่คุณอาจสนใจ