คุณเคยซื้อบัตรเข้าโรงภาพยนตร์ในราคาถูกที่สุดเท่าไหร่?
100 บาท? 80 บาท? 50 บาท?..
ส่วนตัวผมเองเคยซื้อบัตรในราคาถูกสุดที่ 20บาท!! ที่เมืองไทยนี่ล่ะ
ในยุคที่เก้าอี้ถูกแบ่งซอยออกเป็นแถวย่อย ๆ แน่นอนว่าแถวหน้าสุดคือแถวที่แย่ที่สุด แถวที่นอกจากคุณจะต้องนอนแหงนคอดูแล้ว สายตาของคุณยังต้องวิ่งจากซ้ายไปขวายิ่งกว่าดูเทนนิสเสียอีก
โดยเฉพาะเรื่องที่ดูวันนั้นจำได้แม่นว่าดารานำ คือ “เฉินหลง” ดังนั้นเรื่องความไวกล้อง ความไวนักแสดง ไม่ต้องพูดถึง ดูหนังจบออกมา ผมและเพื่อน ๆ ที่ไปดูด้วยกันแทบอาเจียนออกมาพร้อม ๆ กันที่หน้าโรงหน้ง
ปัจจุบันค่าดูภาพยนตร์ในโรงหนังบ้านเรามีราคาไม่เท่ากัน ไม่มีมาตรฐานกลาง ทุกอย่างอยู่ที่คุณภาพของโรงภาพยนตร์ สถานที่ และการบริการ
ราคาสูงที่สุดที่เคยซื้อคือที่นั่งละ 1,000บาท
นั่นถือว่าห่างจากราคาต่ำสุดถึง 50เท่าตัว!!
ดูภาพยนตร์ในประเทศไทยแพงไหม?
จากการค้นหาข้อมูลพบว่า ค่าเฉลี่ยราคาการดูภาพยนตร์ในประเทศไทยถือว่ายังไม่แพงมากนัก ถ้าเปรียบเทียบกับทั้งโลกนี้แล้ว ประเทศไทยยังไม่ติดอยู่ในอันดับท๊อป 30 ของโลกเลยด้วยซ้ำ (รู้สีกดีใจที่ได้ดูหนังถูกขึ้นมาทันที)
ประเทศที่ค่าตั๋วแพงที่สุดคือ “บาเรนห์” $17.48 หรือ 568บาทกว่า ๆ
ส่วนในเอเชีย แพงสุดคือ “ญี่ปุ่น” $12.77 หรือ 415บาท
ความจริงแล้วแพงหรือถูกคงไม่เท่าไหร่ สำคัญว่าคุณดูแล้ว “คุ้มหรือไม่”
เชื่อว่าถึงตอนนี้ คำว่า “คุ้ม” ของคุณและผมคงไม่เหมือนกัน
การดูภาพยนตร์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอเมริกาที่คุ้นเคย จะมีลักษณะที่ไม่เหมือนประเทศไทยอย่างเราซักเท่าไหร่
ความแตกต่างเริ่มต้นตั้งแต่ “การซื้อตั๋ว”
ที่นั่น ราคาตั๋วจะมีราคาเดียว ไม่ว่าคุณจะนั่งสูงสุด หรือใกล้ติดจอ ทุกคนจ่ายราคาเดียวกันหมด
และที่สำคัญคือ “ไม่กำหนดที่นั่ง”
ของไทยเราจะกำหนดว่า เราเลือกที่นั่งแถว B14 ก็ต้องตามหาที่นั่งตามเลข และนั่งที่นั่งที่กำหนด ห้ามเปลี่ยน ห้ามย้าย
แต่ที่อเมริกา คุณจ่ายราคาเดียว เข้าไปนั่งตรงไหนก็ได้!
“อ่าว แล้วงี้เกิดเราเข้าไปแล้วเจอแต่ที่นั่งแย่ ๆ ล่ะ!?” คุณคงคิด
กรณีเช่นนี้จะถือว่า “ช่วยไม่ได้” ดังนั้นถ้าอยากได้ที่นั่งดี ก็เดินเข้าไปนั่งตั้งแต่เนิ่น ๆ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด นี่คือระบบ first come first serve หรือ “มาก่อนได้ก่อน” อย่างแท้จริง
แต่ความสนุกมันอยู่ตรงนี้
ตรงที่ เมื่อคุณเข้าไปในโรงภาพยนตร์แล้ว นอกจากคุณจะเลือกนั่งที่ไหนก็ได้แล้ว คุณยังเลือกที่จะ “เข้าโรงไหนก็ได้” อีกด้วย!!
ใช่!! ไม่มีใครมาตรวจคุณหรอก เค้าไม่มีพนักงานมากมายขนาดมานั่งดูตั๋วของคุณ ถ้าคุณไม่ทำตัวโดดเด่นมากนัก
ดังนั้นในยุคที่ผมเองยังเป็นนักศึกษา ชอบดูหนัง แต่มีเงินน้อย สิ่งที่ผมและเพื่อน ๆ ต้องทำคือ.. การวางแผนก่อนดูหนัง
ทำไมต้องวางแผน?
ก็เพื่อให้เราสามารถดูหนังหลาย ๆ เรื่องได้ด้วยตั๋วหนังใบเดียว!
เมื่อออกจากหนังเรื่องที่หนึ่ง ก็วิ่งไปต่อเรื่องที่สอง จบเรื่องที่สองก็วิ่งไปรอที่เรื่องที่สาม
เข้าโรงหนังตั้งแต่สิบเอ็ดโมง ออกมาอีกทีสองทุ่ม
ถามว่าคุ้มมั้ย? คุ้มสิ! คุ้มแน่
แต่ถามว่ามึนมั้ย..
“โครตมึนเลยล่ะคุณ!”
ผมเรียกโรงหนังแบบนี้ว่า “โรงหนังบุฟเฟต์”
แน่นอนว่า ทำแบบนี้มันผิดกฎหมาย ถ้าโตแล้วคงไม่ทำแน่นอน ..
เพราะมีจรรยาบรรณหรอ? เปล่า.. เพราะมันมึนหัวมากกว่า!!!