คุณว่าช่วงเวลาพักเที่ยงนั้นน้อยไปไหม? ถ้าคุณคิดว่า 1 ชั่วโมงช่วงกลางวันนั้นกินข้าวไม่ทัน ทำธุระไม่เสร็จ ช๊อปปิ้งไม่สะใจ
ลองมาอ่านเรื่องนี้ เพราะพักเที่ยงของคนที่นี่ มีไม่เกิน 5 นาที
เชื่อว่าทุกคนมีภาพ “นิวยอร์ก” ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะมองว่านิวยอร์กเป็นเมืองสีสัน สนุกสนาน บางคนมองว่าเป็นเมืองแห่งละครบรอดเวย์อันยิ่งใหญ่ บางคนมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการดาราและแฟชั่น หลายคนมองว่า rapper ที่แท้จริงต้องเริ่มต้นที่นี่
ในด้านมืด นิวยอร์กเองก็มีมากไม่แพ้ด้านสว่าง เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่มีอาชญากรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นเมืองที่อันตรายสามารถเกิดกับคุณได้ทุกที่เพียงแค่คุณลงรถไฟใต้ดินผิดสถานี และเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีแต่ความเร่งรีบ วุ่นวาย มุมหนึ่งของนิวยอร์กที่ถือเป็นแหล่งธุรกิจที่สำคัญของโลก ย้ำอีกครั้งว่าของโลก แต่ขณะเดียวกันก็เป็นจุดสำคัญที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดก็คือ ถนน Wall Street
Wallstreet คือศูนย์กลางการเงินแห่งหนึ่งของโลก New York Stock Exchange คือหนึ่งในตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าความวุ่นวายที่สุดของนิวยอร์ก ต้องเกิดขึ้นที่นี่ ถ้าคุณพอจะมีประสบการณ์การลงทุนในหลักทรัพย์ หรือที่เรียกว่า หุ้น อยู่บ้าง คุณคงจะพอรู้ว่าตลาดหุ้นที่บ้านเรา เมืองไทยเรานี้มีตลาดที่เรียกว่า Stock Exchange of Thailand ที่เปิดให้เราสามารถซื้อ-ขาย หรือ
เทรดหุ้นได้ตั้งแต่เวลา 10.30น. โมงเช้า ถึง 12.30น.
หยุดช่วงเที่ยงเพื่อพักทานข้าว จากนั้นจะกลับมาเปิดอีกครั้งเวลาบ่าย 14.30 น. ถึง 16.30 น. แต่สำหรับนิวยอร์กที่นี่ “ไม่มีเวลาหยุด”
หลังจากเปิดตลาดเวลา 9 โมงเช้าแล้ว ที่นี่ไม่มีเวลาหยุดพักแม้แต่จะทานข้าวเที่ยง นักเทรดหุ้นจะต้องทำงานตลอดเวลาจนถึงเย็น ทุกอย่างจึงเสร็จสิ้นลง ดังนั้น ถ้าไม่มีเวลาหยุดทานข้าวเที่ยง แล้วพวกเขาทานข้าวเที่ยงกันตอนไหน?
คำตอบคือ ตอนไหนก็ได้ที่มีเวลา ที่ด้านหน้าตลาดหลักทรัพย์จะมีร้านขายพิซซ่า ที่มาพร้อมกับพิซซ่านับสิบถาดที่วางอยู่ริมถนน
เมื่อนักเทรดว่างพวกเขาจะวิ่งออกมาซื้อพิซซ่าหนึ่งสไลด์ จากนั้นก็รีบกินอย่างเร่งด่วน!
กินอย่างเร่งด่วน ผมอยากเน้นคำนี้ หากคุณกำลังนึกภาพคนไทยที่นั่งทานพิซซ่าในร้านพิซซ่าฮัทอยู่ล่ะก็ ขอบอกเลยว่าการกินพิซซ่าของนักเทรดที่นิวยอร์กไม่มีอะไรใกล้เคียงกับที่คุณคิดเลย ที่นั่นเค้าจะใช้มือหยิบพิซซ่าที่ซื้อมา แล้วก็พับมันให้เล็กลงเพื่อง่ายต่อการกิน จากนั้นก็ยัดมันเข้าปาก ถ้าหิวมาก ก็ซื้อเพิ่มอีกหนึ่งสไลด์ เมื่อทานเสร็จ ก็รีบวิ่งกลับเข้าไปเทรดหุ้นต่อ ถามว่าพวกเขาเบื่อกันหรือไม่?
ไม่ต้องห่วงครับ ด้านหน้าตลาดไม่ได้มีแค่พิซซ่า แต่ยังมีคนนำอาหารจีนที่มีอาหารอยู่ในกล่องกระดาษจำนวนมาก พร้อมให้คุณกินได้หมดภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที แต่ส่ิงที่น่าสนใจมากไปกว่าการขายพิซซ่า และอาหารจีนกล่องหน้าตลาดหลักทรัพย์ก็คือ ร้านอาหารที่อยู่ระแวกนั้น ร้านอาหารไทย ขนาดเล็กประมาณ 5×5 ตารางเมตร เน้นขายอาหารประเภทเส้น มีคนยืนแออัดอยู่ในร้านที่มีโต๊ะเล็ก ๆ
สำหรับคนอยากกินในร้าน และมีพื้นที่ยืนสำหรับคนที่รอซื้อกลับออกไปกินข้างนอก 5×5 ผมว่าเล็กแล้ว เจออีกร้านหนึ่งมีขนาดแค่ 1×4 ตารางเมตร ครับ คุณอ่านไม่ผิด 1×4 ตารางเมตร เล็กขนาดหนึ่งคนยืนพอดีตัวเท่านั้นเอง ร้านแนวลึกนี้ไม่อนุญาตให้ลูกค้าเข้าร้าน เพราะในร้านมีแค่พ่อครัว 3 คน กับ แคชเชียร์อีกหนึ่งก็แน่นร้านแล้ว ลูกค้ามีหน้าที่ยืนต่อคิวอยู่ด้านนอก สั่งออเดอร์ด้านนอก
และรับของจากแคชเชียร์ที่หน้าร้าน พ่อครัวมีหน้าที่ผัดอาหารก็ทำไป ส่วนแคชเชียร์ก็มีหน้าที่รับออเดอร์ เก็บเงิน ยื่นอาหาร ก็เท่านั้น
ธุรกิจนี้เห็นแล้วชอบเลยครับ ประหยัดพื้นที่ในเมืองที่ค่าเช่าที่แสนแพงมหาโหด แถมยังทำรายได้ได้เป็นกอบเป็นกำ ตอบโจทย์นักเทรดที่ต้องการกินด่วน! กลับมามองที่เมืองไทยบ้าง ผมว่าร้านลักษณะนี้ก็มีโอกาสเกิดได้ ถ้าเราได้พื้นที่ย่านสีลม รัชดา หรือย่านที่เป็นโซนออฟฟิศแออัด เชื่อว่าน่าจะสามารถทำรายได้ได้ไม่น้อย บนพื้นที่ที่ไม่ต้องเสียค่าเช่าแพงมาก ลองเอาไอเดียอาหารหลักนักเทรดไปปรับดู แล้วต่อยอดธุรกิจมาใช้ในประเทศไทยกันบ้างก็ดีนะครับ