ครั้งที่แล้วเคยเล่าเรื่องของนิทานอาหรับราตรี เลยไปถึงคริสโตเฟอร์โคลัมบัสที่เป็นเรื่องราวที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เรื่องราวที่เราเคยเชื่ออย่างหนึ่งและเข้าใจไปอีกอย่างหนึ่ง แล้วความเป็นจริงมันเป็นอีกอย่างหนึ่ง วันนี้ก็เลยอยากจะมาเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้ฟังอีกเช่นเคย ว่าด้วยเรื่องของ “แฟรงเกนสไตน์”
แฟรงเกนสไตน์ (Frankenstein) ตามที่เราเคยเข้าใจมาก่อนว่าเป็นเรื่องของผีดิบตัวใหญ่ ๆ หน้าเหลี่ยม ๆ หัวโต ๆ และมีสัญญลักษณ์เด่น คือตรงขมับของผีตัวนี้ มันจะต้องมีสิ่งที่คล้ายน็อตใหญ่ ๆ สองตัว ปักอยู่ที่ขมับทั้งสองข้าง ที่หน้าจะมีแผลรอยเย็บ แล้วก็จะเดินแบบน่ากลัว ๆ
แต่ความจริงแล้วเรื่องของแฟรงเกนสไตน์ไม่ใช่เรื่องของผีดิบที่น่ากลัวหรือสยองขวัญขนาดนั้น จริง ๆ แล้วมันเป็นหนังความรัก ความรักที่น่าเศร้าด้วย ก่อนอื่นเราขอท้าวความเกี่ยวกับประวัติผู้เขียนแฟรงเกนสไตน์นี้ก่อน
แมรี เชลลีย์ (Mary Shelley) นักประพันธ์หญิงชาวอังกฤษ ผู้ให้เขียนนวนิยายระดับตำนานอย่าง แฟรงเกนสไตน์ ซึ่งเธอแต่งเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนอายุแค่ 18 ปี เท่านั้น และแรงบันดาลใจในการแต่งหนังสือเรื่องแฟรงเกนสไตล์มันก็น่าสนใจมาก ๆ
โดยเรื่องเกิดจาก หลังจากที่พ่อแม่ของแมรีเสียชีวิตไป เธอถูกเลี้ยงขึ้นมาจนอายุ 18 และไปตกหลุมรักกับผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อ เพอร์ซี่ เชลลีย์ ซึ่งเขาคนนี้เป็นคนที่ชื่นชอบผลงานของคุณพ่อแมรี่มาก่อน แต่ตอนหลังมาเพอร์ซี่ก็ได้เข้ามาจีบแมรี (ตอนนั้นคุณพ่อแมรีเสียชีวิตแล้ว)
แต่เรื่องของเรื่องก็คือ เพอร์ซี่มีภรรยาอยู่แล้ว แต่แอบมาคบกับแมรี่ และภายหลังก็หนีออกจากเมืองไปเที่ยวกัน ตอนที่ออกไปก็ออกไปพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องอีกคน เดินทางไปสามคน สุดท้ายเรื่องของการเขียนมันมาเกิดขึ้นที่บ้านพักของผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า ลอร์ด ไบรอน
ลอร์ดไบรอน เป็นนักเขียน นักแต่งนิยายวรรณกรรมในสมัยนั้นเหมือนกัน ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอันใด สามสี่คนนี้ก็ชวนกันไปอยู่ที่บ้านของ ลอร์ด ไบรอน ในช่วงปีใหม่ เพื่อไปพักผ่อน
ระหว่างที่พักผ่อนอยู่ ลอร์ด ไบรอน ก็ได้ตั้งวงคุยกันสามคนที่เป็นนักวรรณกรรม นั่นคือ ลอร์ด ไบรอน เพอร์ซี่ และแมรี่ (ไม่นับรวมลูกพี่ลูกน้องที่ไปด้วยกัน) ได้พูดคุยกันว่า ช่วงปีใหม่เรามาตั้งเป้าหมายกันดีกว่า ว่าจะแข่งกันแต่งนิยายสยองขวัญ และดูซิว่าใครจะแต่งนิยายสยองขวัญได้ดีที่สุด
ปรากฎว่าในคืนนี้นเองหลังจากที่เขาตั้งกติกากันแล้ว เพอร์ซี่ แฟน ของแมรี่ ก็ได้เล่าเรื่องของทฤษฎีวิวัฒนาการของธรรมชาติ เขียนโดย อีราสมูส ดาร์วิน (Erasmus Darwin) ให้แมรี่ฟัง เธอตื่นเต้นมากกับเรื่องที่ได้ฟัง จึงเกิดแรงบันดาลใจและเริ่มแต่งนิยายขึ้น
ปรากฎว่าในการท้าดวลกันนั้น อีกสองคนทำไม่สำเร็จ มีแต่แมรี่ที่เขียนเรื่องแฟรงเกนไตล์ แล้วโด่งดังมาก ในปีที่แมรี่เขียนคือปี 1816 แต่หนังสือเล่มนี้กว่าจะได้ตีพิมพ์ในปี 1818 จนมาถึงปัจจุบัน 2019
แฟรงเกนสไตน์มีอายุยาวนานถึง 200 ปี มีการนำไปทำซ้ำทำหนังเป็นร้อย ๆ เรื่อง แล้วก็เป็นต้นกำเนิดของหนังสมัยใหม่หลายเรื่อง เช่น Edward Scissorhands เป็นเรื่องของมนุษย์คนหนึ่งที่เกิดมาแล้วมีมือเป็นกรรไกร กำกับโดย Tim William Burton เป็นหนังที่ดีมากเรื่องหนึ่ง เห็นเขานำมาทำเป็นรีมาสเตอร์ หรือแม้นกระทั่งเรื่อง Terminator คือการสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาเป็นมนุษย์ และนี่ก็เป็นต้นกำเนิดแฟรงเกนสไตล์เป็นหนึ่งในนั้น
แฟรงเกนสไตน์เป็นนิยายที่มีสองชื่อ อีกชื่อหนึ่งเรียกว่า โพรมีเทียสสมัยใหม่ (The Modern Prometheus)
เนื้อเรื่องของแฟรงเกนสไตล์ถ้าจากนิยาย เกิดขึ้นโดยผู้ชายที่เป็นพระเอกมีชื่อว่า วิกเตอร์ แฟรงเกนสไตล์ เกิดในกรุงเจนีวา ประเทศสวิส ในปี 1970 นักวิเคราะห์หลายคนบอกว่าเหตุผลที่สร้างให้วิกเตอร์ เกิดในเมืองเจนีวา เพราะว่าคฤหาสน์ที่ลอร์ดไบรอนที่ทั้งสามสี่คนไปพักเพื่อแต่งนิยาย อยู่ในกรุงเจนีวานั่นเอง
วิกเตอร์มีลูกพี่ลูกน้องอีกคนชื่อ อลิซเบธ เอเลนซ่า ซึ่งวิกเตอร์รักมาก และสัญญากันว่าถ้าโตขึ้นเราเป็นผู้ใหญ่แล้วเราจะแต่งงานกัน เมื่อวิกเตอร์โตขึ้นมาก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย โดยย้ายจากกรุุงเจนีวาไปที่มหาวิทยาลัย อีโก สเตต อยู่ที่เยอรมัน ซึ่งเขาบอกว่ามหาวิทยาลัยนี้มีอยู่จริง แถมชื่อแฟรงเกนสไตน์ไม่ใช่ชื่อปีศาจ แต่เป็นชื่อเมืองเมืองหนึ่งในเยอรมัน
เมื่อวิกเตอร์มาเรียนที่นี่เขาได้เจอเพื่อนคนหนึ่งชื่อ เฮนรี่ เควอง ทั้งสองสนิทกัน สิ่งที่เขาชอบทำคือ ศึกษาเกี่ยวกับร่างกายมนุุษย์ เรื่องของอวัยวะต่าง ๆ แขน ขา ศึกษาทั้งภายใน ภายนอก และชอบสะสมอีกด้วย!
จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งสองคนคิดว่า น่าจะมีโอกาสอะไรบางอย่างที่เราจะเอาพวกชิ้นส่วน อวัยวะมาประกอบกัน แล้วสุดท้ายใช้พวกกระแสไฟฟ้าต่าง ๆ ปลุกให้มนุษย์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ทั้งสองเลยร่วมกันใช้ห้องแล็บทำการทดลองประกอบร่างด้วยอวัยวะต่าง ๆ เย็บให้มันติดกันจากนั้นก็ใช้พลังงานไฟฟ้าจี้ ทำให้เกิดมนุษย์ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ซึ่งเขาทั้งสองทดลองทำกันแบบมั่ว ๆ ปรากฎว่ามันเวิร์ก เจ้าปีศาจตัวนี้มีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ ทั้งสองตกใจวิ่งหนีออกจากห้องแล็บ พอเริ่มตั้งสติได้ก็กลับไปดูว่าจะจัดการกับมันอย่างไร ใจนึงก็คิดว่าจะฆ่ามันดีไหม ดูน่าเกลียด น่ากลัว อัปลักษณ์ด้วย เพราะเย็บมั่ว ๆ อีกใจนึงก็เสียดาย
พอกลับไปถึงห้องแล็บเจ้าปีศาจตัวนี้มันหายไป ทั้งสองเกิดความกังวล เครียด ไม่รู้จะหาเจอได้อย่างไร เลยคิดว่าจะปล่อยมันไป และเจ้าปีศาจก็หายไปเป็นปี แต่ระหว่างนั้นวิกเตอร์ ก็ทราบข่าวว่าน้องชายเสียชีวิตที่บ้าน เขาก็กลับไปพบว่าสภาพศพที่น้องชายตายเกิดจากการบีบรัดจนตาย ซึ่งตอนนั้นทางบ้านก็กล่าวหาว่าพี่เลี้ยงที่ชื่อว่า จัสติน มอร์ริส เป็นคนทำร้ายเด็ก ทำให้เด็กตาย แต่วิกเตอร์เขาคิดว่าไม่น่าใช่ โดยดูจากสภาพศพแล้ว มันน่าจะเป็นฝีมือของไอ้ปีศาจที่เขาสร้างขึ้นมา ซึ่งน่าจะมาหลอนแถว ๆ นี้
ด้วยความที่เริ่มกังวลและเครียด มีอยู่วันหนึ่งวิกเตอร์ได้เดินทางไปเจอกับเจ้าปีศาจตัวนี้ด้วยความบังเอิญที่หุบเขาเอลป์ เขาตกใจกลัว แต่ว่าเจ้าปีศาจบอกกับเขาว่า “เดี๋ยวก่อน มาคุยกันก่อน ขอเล่าเรื่องให้ฟังว่าหนึ่งปีที่ผ่านมามันเจออะไรบ้าง”
มันเล่าว่ามันทุกข์ทนทรมานมาก ตั้งแต่มันหนีออกมาจากห้องแลบ มันพยายามเรียนรู้ หรือพูด รู้จักการอ่าน เพื่อที่จะได้หาเจ้าของคือ วิกเตอร์ ว่าอยู่ที่ไหน อยากจะเจอ เพราะว่าชีวิตมันหนึ่งปีค่อนข้างลำบาก เนื่องจากว่าหน้าตาอัปลักษณ์ของมันทำให้มันใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างยากมาก ๆ
มันเล่าว่า มีครั้งหนึ่งที่มันไปช่วยชีวิตเด็กจมน้ำ พ่อแม่เด็กแทนที่จะขอบใจกลับเอาก้อนหินขว้างปาใส่มัน เพราะมันน่าเกลียดน่ากลัว ไล่ให้ออกไปอย่ามาใกล้ลูก ส่วนน้องชายของวิกเตอร์ มันก็ยอมรับว่าเป็นฝีมือของมันเอง แต่เหตุผลที่น้องชายตายไม่ใช่ว่ามันตั้งใจจะฆ่า มันเห็นน้องชายของวิกเตอร์แล้วมันเกิดความรู้สึกรักเด็ก ก็เลยเข้าไปกอด แต่เนื่องจากพลังของมันเยอะ มันควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้ก็เลยทำให้เด็กตาย เลยรู้สึกเศร้ามาก ชีวิตมันทำไมต้องเป็นแบบนี้ ไม่น่าให้มันเกิดมาเลย ความสำคัญคือ แกสร้างฉันขึ้นมาทำไม ทำให้ฉันมีชีวิตที่แย่มาก ๆ
เจ้าปีศาจตัวนี้ก็เลยบอกว่า ฉันไม่อยากจะยุ่งกับครอบครัวแกไม่อยากจะอยู่ในสังคมนี้ด้วย ขอร้องช่วยสร้างปีศาจแบบฉันอีกตัวหนึ่ง แต่ขอเป็นผู้หญิงนะ ฉันจะได้มีเพื่อน แล้วฉันสัญญาว่าฉันจะเดินทางเข้าไปในป่า และฉันจะไม่มายุ่งกับสังคมในเมืองนี้อีกเลย ขอให้สร้างเพื่อนหญิง วิกเตอร์ รู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบของเขา ที่เขาทำให้ชีวิตมันแย่มากๆ
เขาเรียกเฮนรี่มา และบอกว่าเจอปีศาจแล้ว และเจ้าปีศาจขอให้เราสร้างปีศาจผู้หญิงอีกตัว เพื่อเป็นเพื่อนมัน งั้นเราต้องแสดงความรับผิดชอบ ทั้งคู่ก็เลยตัดสินใจหญิงสาวขึ้นมา โดยที่เจ้าปีศาจก็นั่งดูอยู่ด้วยและดีใจที่จะมีเพื่อน
ระหว่างที่กำลังสร้างอยู่ อยู่ดี ๆ วิกเตอร์เกิดเปลี่ยนใจจะไม่สร้าง จะทำลายมันทิ้ง ปีศาจตกใจ วิกเตอร์กลัวว่าถ้าปีศาจสองตัวนี้ออกลูกมาเป็นปีศาจอีก ไม่แน่สังคมอาจมีปีศาจแบบนี้ออกมาเยอะแยะ วิกเตอร์จินตนาการไปไกลมาก จึงบอกว่ายกเลิกไม่สร้าง ปีศาจตัวนี้เลยโมโห ทำไม
“แกทำแบบนี้ ทำให้ชีวิตฉันย่ำแย่แล้วก็ไม่คิดจะรับผิดชอบ” เจ้าปีศาจบอกว่า “ฉันสัญญาว่าต่อจากนี้ไปฉันจะตามจองล้างจองผลาญ จะให้แกได้รู้รสถึงความโดดเดียว เดียวดาย เหมือนกันฉันนี้” ดังนั้น สิ่งแรกที่เจ้าปีศาจตัวนี้ทำก็คือ ฆ่าเฮนรี่ก่อนเลย ทำให้รู้ว่าการที่ไม่มีเพื่อนสนิทมันเป็นอย่างไร
เวลาผ่านไปเจ้าปีศาจตามจองล้างจองผลาญ วิกเตอร์ก็หนีไปไอแลนด์และอีกหลายที่ วิกเตอร์เคยให้สัญญากับอลิสาเบธ ว่าโตขึ้นจะแต่งงานด้วย สุดท้ายวิกเตอร์ได้แต่งงานในคืนวันแต่งงานเจ้าปีศาจก็โผล่มา แล้วก็ฆ่าอลิสเบธทิ้ง
พ่อของวิกเตอร์ก็รู้สึกเศร้ามากว่าทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้ ทุกคนตาย เขาก็ตรอมใจตาย เหลือวิกเตอร์อยู่คนเดียว เขารู้สึกเครียด พยายามหนีไปไกล ๆ หนีไปถึงขั้วโลก แต่เจ้าปีศาจก็ตามไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ทันพบวิกเตอร์ตายซะก่อน เพราะทนความหนาวไม่ไหว เมื่อเจ้าปีศาจมาพบว่าวิกเตอร์ตายแล้ว ก็เศร้ามาก จริง ๆแล้ว วิกเตอร์คือเพื่อนของมันคนเดียวที่มีอยู่ เวลานี้มันจึงพบกับความโดดเดี่ยวเดียวดายจริงๆ เสียใจที่ตามวิกเตอร์มาไม่ทัน ชีวิตมันต้องอยู่อย่างนี้คนเดียว มันเป็นปีศาจที่น่าสงสาร เพราะชีวิตมันเป็นแบบนี้ เขาก็เลยเรียกว่า แฟรงเกนสไตล์ ตามเจ้านายของมันที่เป็นคนสร้างมันขึ้นมา
นักวิเคราะห์เขามาวิเคราะห์ว่าทำไมนิยายเรื่องนี้มันถึงดังมาถึงสองร้อยปี หนึ่งในนักวิเคราะห์บอกว่า นิยายเรื่องนี้มันสะท้อนชีวิตของมนุษย์ในโลกแห่งความเป็นจริง ชีวิตของวัยรุ่นหลาย ๆคน มันสะท้อนชีวิตที่ว่ามนุษย์เราทุกคนไม่สามารถเลือกเกิดได้ บางครั้งก็สงสัยว่าเราเกิดมาทำไม เกิดมาสมองไม่ดี ความรู้ไม่เก่ง ฉันเกิดมาไม่รวย หน้าตาไม่ดี เราเองก็เหมือนปีศาจแฟรงเกนสไตล์ ที่เลือกเกิดไม่ได้ แต่เมื่อเกิดมาแล้วบางครั้ง ด้วยจุดอ่อน จุดบกพร่องอะไรบางอย่างของเรา ทำให้เราเองอาจจะมีปัญหาในเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม บางครั้งก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องการเข้าสังคม การพูดคุย มีปัญหาระยะยาวในการใช้ชีวิตเลยด้วยซ้ำ
ความจริงแล้วนิยายแฟรงเกนสไตล์ไม่ใช่นิยายผีที่น่ากลัวอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วมันสะท้อนให้เห็นถึงความน่าสงสาร ความเศร้า และยังสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตมนุษย์ ความเป็นจริงอยู่ในสังคมดี ๆ นี่เอง
ภาพประกอบบทความ : freestocks on Unsplash